ในปัจจุบัน เราให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความปลอดภัยในสถานประกอบการมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความปลอดภัยของพนักงานเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ การลดอุบัติเหตุและความเสี่ยงในที่ทำงานไม่เพียงแต่ช่วยรักษาชีวิตและสุขภาพของพนักงาน แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และการซ่อมแซมอุปกรณ์ที่เสียหายจากอุบัติเหตุ การมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) จึงเป็นเรื่องสำคัญที่กฎหมายกำหนดให้มีในสถานประกอบการ
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับเทคนิค (จป. เทคนิค) คืออะไร?
จป. เทคนิค หรือ Safety Officer at the Supervisory Level คือ เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ดูแลและควบคุมด้านความปลอดภัยในสถานประกอบการ โดยต้องผ่านการอบรม จป เทคนิค และได้รับการรับรองตามที่กฎหมายกำหนด จป. เทคนิค มีหน้าที่หลักในการตรวจสอบ วิเคราะห์ และจัดทำรายงานเกี่ยวกับความปลอดภัยของสถานที่ประกอบกิจการ รวมถึงเสนอแนะให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย
สถานประกอบการที่ต้องมี จป. เทคนิค มีอะไรบ้าง
กฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. 2565 กำหนดให้สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 20 คน แต่ไม่เกิน 50 คน ต้องมี จป. เทคนิค โดยสถานประกอบกิจการที่อยู่ในบัญชีที่ 2 จะต้องมีการจัดตั้งหน่วยงานหรือบุคคลที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานเพื่อดูแลและควบคุมความปลอดภัยของพนักงาน ซึ่งประเภทสถานประกอบการในบัญชีที่ 2 มีดังนี้ :
สถานประกอบการบัญชีที่ 2 ตามกฎหมาย
-
- อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากยาสูบ
- อุตสาหกรรมสิ่งทอ
- อุตสาหกรรมเสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกาย
- อุตสาหกรรมเครื่องหนัง
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากไม้
- อุตสาหกรรมกระดาษหรือผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากกระดาษ
- อุตสาหกรรมการผลิตสารเคมีหรือเคมีภัณฑ์
- อุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์หรือเวชภัณฑ์ทางการแพทย์
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ
- อุตสาหกรรมโลหะหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะ
- อุตสาหกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า
- อุตสาหกรรมเครื่องจักรหรือเครื่องมือกล
- อุตสาหกรรมยานพาหนะ ชิ้นส่วนยานพาหนะ หรืออุปกรณ์เสริมสำหรับยานพาหนะ
- อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์
- อุตสาหกรรมเครื่องประดับ
- อุตสาหกรรมเครื่องดนตรี
- อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬาออกกำลังกาย
- อุตสาหกรรมของเล่น
- อุตสาหกรรมเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์
- อุตสาหกรรมการผลิต การจัดส่ง หรือการจ่ายไฟฟ้า
- อุตสาหกรรมการผลิตหรือการบรรจุก๊าซ
- อุตสาหกรรมการผลิตถ่านโค้ก
- อุตสาหกรรมการผลิต การเก็บ หรือการจำหน่ายไอน้ำ
- อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์หรือการเพาะปลูก
- สถานีบริการตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง
- คลังน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง
- การให้บริการบำบัดน้ำเสียหรือกำจัดของเสียตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
- อุตสาหกรรมการนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่
- อุตสาหกรรมการแต่งแร่ การขุดแร่รายย่อย หรือการร่อนแร่ตามกฎหมายว่าด้วยแร่
- การก่อสร้าง การดัดแปลง การซ่อมแซม หรือการรื้อถอนอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
- อุตสาหกรรมการขนส่ง
- การบริการการเดินอากาศตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ
- กิจการคลังสินค้า กิจการไซโล หรือกิจการห้องเย็นตามกฎหมายว่าด้วยคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น
- กิจการโทรคมนาคมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
- การติดตั้ง การซ่อม หรือการซ่อมบำรุงเครื่องจักร
- โรงแรม ตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
- กิจการนิติบุคคลอาคารชุด ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
- ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจค้าปลีก หรือธุรกิจค้าส่ง
- ศูนย์การจัดประชุม และการแสดงสินค้า
- โรงพยาบาล
- การทดสอบและวิเคราะห์การปฏิบัติการทางกายภาพ เคมี ชีวภาพ หรือวิศวกรรม
- การขายและการบำรุงรักษายานยนต์ หรือการซ่อมยานยนต์
- สวนสัตว์หรือสวนสนุก
หากสถานประกอบการของคุณจัดอยู่ในบัญชีที่ 2 และมีลูกจ้างอยู่ในช่วง 20-50 คน ควรมีการแต่งตั้ง จป เทคนิค และส่งเข้าอบรมตามศูนย์ฝึกอบรม จป ที่ได้รับอนุญาต แต่นอกจาก จป เทคนิค แล้วสถานประกอบการของคุณเองก็ยังคงต้องมี จป. หัวหน้างาน, จป.บริหาร และ คปอ ที่ต้องมีการแต่งตั้งและจัดส่งเข้าอบรมเช่นกัน หากคุณสนใจหลักสูตรเหล่านี้เพิ่มเติมสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ >> หลักสูตร จป คปอ
ความสำคัญของการมี จป. เทคนิค ในสถานประกอบการ
การมี จป. เทคนิค จะช่วยในการลดความเสี่ยงและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน ดังนี้:
- ลดอุบัติเหตุ: จปเทคนิค มีหน้าที่ตรวจสอบและวิเคราะห์สถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดอันตราย รวมถึงการวางแผนและดำเนินการเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งจะช่วยลดจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในสถานประกอบการ
- ปฏิบัติตามกฎหมาย: ด้วยทักษะความรู้ผ่านการอบรมด้านกฎหมายความปลอดภัย ทำให้สามารถชี้แนะแนวทางให้นายจ้างและพนักงานปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้องหรือถูกลงโทษทางกฎหมาย
- สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย: เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับเทคนิค ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อพนักงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดความเครียดของพนักงาน
ขั้นตอนการจัดตั้ง จป. เทคนิค ในสถานประกอบการ
การจัดตั้ง จป. เทคนิค ในสถานประกอบการสามารถทำได้โดยการดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้:
- คัดเลือกลูกจ้าง: นายจ้างต้องคัดเลือกลูกจ้างที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อเข้ารับการอบรมเป็น จป. เทคนิค โดยบุคคลนั้นต้องมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย
- อบรม: ลูกจ้างที่ได้รับการคัดเลือกต้องเข้ารับการอบรมจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน การอบรมจะครอบคลุมเนื้อหาที่เกี่ยวกับกฎหมายความปลอดภัย การวิเคราะห์ความเสี่ยง และการดำเนินการเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
- ขึ้นทะเบียนรับรอง: หลังจากการอบรมเสร็จสิ้น ต้องส่งแจ้งรายชื่อผู้ผ่านอบรม เพื่อขึ้นทะเบียนกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองและงานประจำจังหวัด จากนั้นสามารถปฏิบัติหน้าที่ในสถานประกอบการได้
บทบาทและหน้าที่ของ จป. เทคนิค ในการทำงานจริง
บทบาทและหน้าที่ของ จป. เทคนิค ในสถานประกอบการมีหลายด้าน ดังนี้:
- ตรวจสอบและวิเคราะห์: มีหน้าที่ตรวจสอบและวิเคราะห์สถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายในสถานประกอบการ รวมถึงการจัดทำรายงานและเสนอแนะการป้องกันอุบัติเหตุให้กับนายจ้าง
- จัดทำแผนป้องกันอุบัติเหตุ: วางแผนและดำเนินการเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในสถานประกอบการ โดยการระบุและจัดการกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- การฝึกอบรมและให้ความรู้: จัดการฝึกอบรมและให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยในการทำงาน รวมถึงการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ความปลอดภัยอย่างถูกต้อง
- ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัย: มีหน้าที่ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัยในสถานประกอบการให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- รายงานอุบัติเหตุและเหตุการณ์ที่ไม่ปลอดภัย: จัดทำรายงานเกี่ยวกับอุบัติเหตุและเหตุการณ์ที่ไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นในสถานประกอบการ รวมถึงการวิเคราะห์สาเหตุและเสนอแนวทางการป้องกันในอนาคต
สรุป
การมี จป. เทคนิค ในสถานประกอบการเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นตามกฎหมาย เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จป. เทคนิค มีบทบาทและหน้าที่ในการตรวจสอบ วิเคราะห์ และจัดทำรายงานเกี่ยวกับความปลอดภัย รวมถึงการฝึกอบรมและให้ความรู้แก่พนักงาน การปฏิบัติตามกฎหมายและการมี จป. เทคนิค จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันอุบัติเหตุในสถานประกอบการ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อพนักงานและนายจ้าง ในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและเป็นมิตร